Tuesday, June 18, 2019

  1. โครงการอบรมครูครบวงจร ตามโครงการของคุรุพัฒนา คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ   ทางหน่วยงานต้องการพัฒนาครูเพื่อเพิ่มศักยภาพ และสมรรถนะตามความยุทธศาสตร์ของคุรุพัฒนาได้วางเอาไว้ เพื่อให้ครูทั่วประเทศมีความรู้,ทักษะ, และทัศนคติอุปนิสัยที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนวิชาการต่าง ๆ
  2. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนครูในอนาคต 
0

Add a comment

    Loading

    Thursday, August 4, 2011

    ทฤษฎีองค์การขั้นสูง (advanced organization theory) IV

            เป็นเรื่องน่าสนใจที่ว่า ทาวน์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ ทั้งสองคนเคยทำงานเป็นช่างเขียนแบบที่โรงงานเหล็กที่ Midvale Steel ในช่วงปี ค.ศ.1880  ทาวน์ได้ให้โอกาสครั้งแรกอย่างแท้จริงกับเทย์เลอร์ในการประยุกต์ใช้หลักกการจัดการแบบวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง  ทาวน์ได้เสนอชื่อเทย์เล่อร์ให้เป็นประธานสมาคม ASME ในปีค.ศ.1906 และดังนั้นยังได้เสนอให้เข้าประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการนำการจัดการแบบวิทยาศาสตร์มาใช้ (หลังเลือกตั้งเขาได้ปฏิรูปองค์การ ASME ตามหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์)
            ในขณะที่ความคิดของอาดัม สมิธ, เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เล่อร์ และคนอื่น ๆยังคงมีอิทธิพลครอบงำเกัี่ยวกับการออกแบบและการจัดการองค์การ เขาผู้นั้นคือเฮ็นรี่ ฟาโยล (ค.ศ.1841-1925) เป็นวิศวกรผู้บริหารชาวฝรั่งเศส ได้มีการปรับปรุงทฤษฎีการจัดการอย่างพิสดาร  ในขณะที่เทย์เลอร์คิดถึงเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ที่นำมาใช้กับคนงาน  ฟาโยลได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการนำองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดเท่าที่จำเป็นไปจัดกลุ่มและจัดการเกี่ยวกับองค์กรบริษัท  ผลงานเด่นของฟาโยล คือ Administration Industrielle (ซึ่งได้ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ในปี 1916) ได้เพิกเฉยในสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษจากสำนักพิมพ์ Constance Storr โดยใช้ชื่อว่า General and Industrial Management ซึ่งปรากฎในปี ค.ศ.1949  ตั้งแต่นั้นมาการสนับสนุนทฤษฎีได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ผลงานของเขาได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญพอ ๆ กับเทย์เลอร์
            ฟาโยลเชื่อว่าแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเป็นแนวคิดที่ประยุกต์ได้อย่างสากลในทุกประเภทองค์การ ในขณะที่เขามีหลักการ 6 ข้อ -หลักเทคนิค (ผลิตสินค้าได้ดี), หลักการพาณิชย์ (การซื้อ,การขาย,และกิจกรรมการแลกเปลี่ยน), การเงิน (การเพิ่มและการใช้ทุน), ความมั่นคง (การป้องกันทรัพย์ิสินและบุคคล), การบัญชี และการจัดการ (ได้แก่การประสานงาน,การควบคุม หรือการจัดองค์การ,การวางแผน และการบังคับบัญชาบุคลากร) - ความสนใจของฟาโยลและการเน้นหลักการขั้นสุดท้ายก็คือหลักการจัดการ  ที่เป็นหลักนำมาเผยแพร่ตัวแปรต่าง ๆ ได้แก่การแบ่งงานกันทำ, หลักอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ, หลักเกี่ยวกับวินัย,เอกภาพการบังคับบัญชา (unity of command), เอกภาพอำนวยการ (unity of direction), หลักผลประโยชน์ส่วนบุคคลขึ้นอยู่ผลประโยชน์ส่วนรวม, หลักค่าตอบแทนบุคลากร,หลักการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง (centralization), หลักสายบังคับบัญชา (scarlar chain), หลักการออกคำสั่ง (order), หลักความเสมอภาค (equity), หลักความมั่นคงของบุคลากร, หลักความคิดริเริ่ม (innitiative), และหลักความสามัคคี (exprit de corps) ได้ตีพิมพ์ในบทความของฟาโยลที่ชื่อว่า "หลักการทั่วไปเกี่ยวกับการจัดการ" ซึ่งเป็นเพียงบทหนีึ่งในเอกสารของฟาโยลใน "General and Industrial Management"
            ประมาณร้อยกว่าปี อาดัม สมิธได้ประกาศสว่าโรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่มีความเหมาะสมที่สุด เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ และกลุ่มของศานุศิษย์ ที่แพร่กระจายชื่อเสียงที่ว่าคนงานโรงงานสามารถทำการผลิตได้มากหากผลงานเหล่านั้นได้รับการออกแบบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  เทย์เล่อร์ได้ัรับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งขบวนความเคลือนไหวการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ ที่มีการบุกเบิก
    การพัฒนาเกี่ยวกับการศึกษาความเคลื่อนไหวและเวลาในการทำงาน  ภายใต้ชื่อลัทธิเทย์เล่อร์ หรือระบบเทย์เล่อร์  ลัทธิเทย์เล่อร์หรือผู้ประสบความสำเร็จในการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ไม่ใช่การประดิษฐ์คิดค้นคนเดียวมากกว่าชุดของวิธีการเกี่ยวกับการจัดเตรียมองค์การซึ่งได้รับการออกแบบโดยเทย์เล่อร์ และศานุศิษย์ของเขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิตของห้องปฏิบัติการเครื่องจักร ภายใต้บทบัญญัติแนวคิดใหม่คือ วิธีการทำงานที่ดีที่สุด (one best way)ในการทำงานให้สำเร็จในงานที่ได้รับมอบหมาย  การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของเทย์เล่อร์แสวงหาการเพิ่มผลลัพธ์โดยการค้นพบความรวดเร็วที่สุด, มีประสิทธิภาพมากที่สุด,และความเหนื่อยล้าในวิธีการผลิต
            งานของผู้จัดการแบบวิทยาศาสตร์ ครั้งหนึ่งได้ค้นพบ "วิธีการที่ดีที่สุด" ต้องนำมาใช้ในกรรมวธีการทำงานขององค์การ  ทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคได้ทำให้เกิดสีสันของข้อเสนอแนะ  หากถ้ามีวิธีการที่สุดในการบรรลุงานการผลิตที่กำหนดไว้แล้ว ก็ต้องมีวิธีการทำงานที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุผลงานเกี่ยวกับองค์การสังคม- ได้แก่การจัดองค์การหน่วยงาน   หลักการแต่ละหลักขององค์การสังคมได้คาดคะเนว่ายังคงมีปรากฎขึ้นเป็นการรอคอยเพื่อการค้นพบจากการสังเกตการณ์และการวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์

    Monday, August 1, 2011

    ทฤษฎีองค์การขั้นสูง (advanced organization theory) III

         ในปี ค.ศ.1856 นายดาเนียล ซี.แมคคัลลัม (1815-1878) เป็นหัวหน้าโรงงานทั่วไปที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างถนนที่กรุงนิวยอร์ค และอีรี่ ได้นำหลักการจัดองค์การทั่วไปอย่างเด่นชัดที่ว่า "อาจจะได้รับการยอมรับในการจัดตั้งและเป็นสิ่งจำเป็น" หลักการของเขาคือการแบ่งความรับผิดชอบ,อำนาจนั้นกับความรับผิดชอบพอ ๆกัน และระบบรายงานที่ยินยอมให้ผู้บริหารได้รู้ถึงความรับผิดชอบโดยทันทีทันใด หากเป็นไปได้คือ "มีการดำเนินงานอย่างซื่อสัตย์" และมีการระบุลูกน้องที่ทำผิดพลาดและล้มเหลว แมคคัลลัม เป็นบุคคลที่ได้รับชื่อเสียงในการบุกเบิกแผนภูมิองค์การสมัยใหม่เป็นคนแรก ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในการพัฒนาการจัดการของอุตสาหกรรมการสร้างถนนสหรัฐอเมริกา
          ในธุรกิจขนาดใหญ่ครั้งแรกของอเมริกาเกิดขึ้นก่อนสงครามโลก  แมคคัลลัมตอบสนองหลักการจำลองและกรรมวิธีเกี่ยวกับการจัดการสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงคราม  เขากลับมามีอำนาจหน้าที่ในการก่อสร้างถนนที่เป็นเรื่องสำคัญในระหว่างสงครามกลางเมือง  เขาได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการเกี่ยวกับระบบเส้นทางถนนของกองกำลังทหารสหภาพ  ถึงแม้ว่าแมคคัลลัมเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างสุงในฐานะนักปฏิบัติการ  เขามิใช่นักวิชาการ และเพียงข้อความที่แนบเกี่ยวกับหลักการทั่วไปที่เกิดจากรายงานประจำปีที่เขียนเพื่อใช้กับงานสร้างถนนนิวยอร์ค และอีรี่   ข้อความที่ตัดตอนจาก "รายงานของผู้จัดการโรงงาน" ของวันที่ 25 เดือนมีนาคม1856 ได้ตีพิมพ์จากรายงานนี้
          ในระหว่าง ศตวรรษที่ 18 ผู้จัดการปฏิบัติงาน 2 คนในสหรัฐไดมีการค้นพบว่าหลักการบริหารที่นำไปใช้โดยทั่วไปควรพิจารณาอย่างเป็นระบบ, มีการสืบค้นแบบวิทยาศาสตร์--- เกี่ยวกับ 30 ปีที่ผ่านมาก่อนที่ หลักการเทย์เลอร์เกี่ยวกับการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ หรือบทความของฟาโยลว่าด้วย General and Industrial Management  บุคคลแรกก็คือกัปตันเฮ็นรี่ เมทคาเฟ่ (ค.ศ.1847-1917) ของกองทัพแฟรงฟอร์ท อาเซนัลในฟิลลาเดลเฟียโต้แย้งผู้จัดการในการบันทึกเหตุการณ์ผลิต และประสบการณ์อย่างเป็นระบบเพื่อว่าพวกเขาสามารถใช้ข้อมุลข่าวสารในการปรับปรุงกระบวนการผลิต เขาได้ตีพิมพ์ตามข้อสันนิษฐานในบทความ "ต้นทุนอุตสาหกรรมและการบริหารเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการ", ภาครัฐและเอกชน (1885) ซึ่งบุกเบิกในวิธีการการประยุกต์ก่อนยุคการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ไปสู่ปัญหาการควบคุมการจัดการและยืนยันว่าเป็น "ศาสตร์การบริหาร" ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักการที่สามารถค้นพบได้โดยการสังเกตุอย่างชาญฉลาด ถึงแม้ว่างานเขียนของ เมทคาลเฟเป็นสิ่งสำคัญในทางประวัติศาสตร์ แต่ยังคล้ายคลึงกับของเทย์เลอร์ และคนอื่น ๆที่ไม่รวมถึงการคัดเลือกคนงาน
           ก่อนยุคการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ครั้งที่สองสนับสนุนความคิดของ เฮ็นรี่ อาร์ ทาวน์ ในปีค.ศ. 1880 (1884-1924) ผู้ค้นพบร่วมกันและประธานของบริษัทโรงงานเยลและทาวน์ ในปี 1886โดยเขา
    เสนอแนะว่าการจัดการห้องปฏิบัติการมีความสำคัญพอ ๆกันกับการจัดการวิศวกรรม และสมาคมวิศวกรรมเครื่องกล (ASME) ควรมีบทบาทความเป็นผู้นำในการจัดตั้งบริษัทที่มีความหลากหลาย  ฐานข้อมูลการจัดการ/วิศวกรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติงานใน Shop หรือ "การจัดการเกี่ยวกับตัวงาน"
    ข้อมูลข่าวสารไม่สามารถแบ่งปันในหมู่วิสาหกิจใหม่ และที่ได้ก่อตั้งแล้ว หลายปีผ่านมา สมาคม ASME ได้ปรับปรุงข้อเสนอแนะของเขา เอกสารที่นำเสนอสู่สังคมคือ "วิศวกรรมในฐานะเป็นนักเศรษฐศาสตร์" ได้ตีพิมพ์ใน Transaction of the American Society of Mechnanical engineer (1886) และตีพิมพ์ขึ้นใหม่ นักประวัติศาสตร์มักพิจารณาว่ามันเป็นครั้งแรกที่เีรียกว่าการจัดการแบบวิทยาศาสตร์

    Saturday, July 30, 2011

    ทฤษฎีองค์การยุคคลาสสิค (Classical Organization theory) ii

                 สำนักแนวคิดทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคได้ในปี ค.ศ.1930 และยังคงมีอิทธิพลอย่างสูงในปัจจุบัน (Merkle,1980)  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคได้แพร่หลายและจนเป็นที่เข้าใจ  อย่างไรก็ตามในข้อสมมติฐานและทัศนะที่เกี่ยวข้องกลายเป็นรากฐานมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในปี ค.ศ.1700 และวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมอุตสาหการและเศรษฐศาสตร์อย่างไม่เสื่อมคลาย  นักวิชาชีพเหล่านี้ได้ขยายแนวคิด, จำกัดความใหม่ และอธิบายให้เกิดความชัดเจน ซึ่งข้อคิดเห็น ดังกล่าวได้แก่
                1. องค์การกำเนิดขึ้นมาเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และเป้าหมายทางเศรษฐกิจ
                2. มีวิธีการที่ดีที่สุดเพียงวิธีเดียวในการจัดกลุ่มเพื่อการผลิต, และวิธีการที่สามารถค้นพบได้จากการสืบค้นที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นระบบ
                3. การผลิตเป็นเป้าหมายสูงสุดโดยเน้นการจำแนกงานเฉพาะด้าน และการแบ่งงานกันทำ
                4. บุคลากรและองค์การปฏิบัติงานตามหลักการทางเศรษฐกิจอย่างสมเหตุสมผล (rational)
                วิัวัฒนาการของทฤษฎีใด ๆ ก็ตามจะต้องมีทัศนะในเชิงบริบท  ความเชื่อเกี่ยวกับนักทฤษฎีการจัดการในยุคต้น ๆเกี่ยวกับองค์การควรจะดำเนินการที่มีผลสะท้อนโดยตรงเกี่ยวกับค่านิยมของสังคมเกี่ยวกับยุคนั้น ๆ  และเวลานั้นยังมีการปฏิบัติงานที่หยาบ  เพิ่งจะมาปฏิบัติได้ดีในยุคศตวรรษที่ 21 ก่อนที่คนงานอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาและยุโรปเริ่มต้นที่สิทธิของพลเมืององค์การมีจำกัด คนงานถูกมองในลักษณะไม่ใช่ปัจเจกชน แต่ยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้ในเครื่องจักรอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรเท่านั้น เมื่อเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำการผลิตเหล็กกล้าได้
               จากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน และระบบโรงงานสมัยใหม่เกิดจากแนวคิดในการจัดองค์การเศรษฐกิจ และองค์การเพื่อการผลิต  อุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานค่อนข้างแพง  คนงานฝ่ายผลิตไม่สามารถสั่งซื้อและใช้อุปกรณ์ด้วยตัวของเขาเองในขณะที่เขามีเพียงแต่เครื่องมือประจำตัว  โดยไม่ลืมว่าขั้นตอนสำหรับการทำงานที่น่าเบื่อหน่าย คือการแบกถุง (get the sack) ซึ่งมาจากยุคต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อคนงานยกเลิกวิธีการทำงานแบบเก่า ๆ ซึ่งมีการแบกถุงพร้อมเครื่องมือ คนงานไม่มีเครื่องมือของตนเองและมักขาดทักษะพิเศษที่ต้องทำงานเข้ากับงานที่ใช้อุปกรณ์ของโรงงาน  อุปกรณ์ที่มีราคาแพงจะต้องผลิตให้เกิดผลผลิตให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
              การประดิษฐ์เกี่ยวกับระบบโรงงานแสดงให้ผู้บริหารองค์การที่ไม่ได้เตรียมการรองรับกับปัญหาใหม่ ผู้บริหารต้องเตรียมจมกับเงินลงทุน วางแผนและจัดองค์การเพื่อให้การผลิตขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือได้, รวมทั้งกิจกรรมการประสานงานและการควบคุมของจำนวนพนักงานขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายที่แน่นอน (สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ๆ) และสนับสนุนกำลังแรงงานให้มีการฝึกอบรมและสร้างแรงจูงใจ
              ภายใต้ระบบโรงงาน, ความสำเร็จขององค์การเป็นผลที่เกิดขึ้นจากระบบการผลิตที่มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดีที่รักษาเครื่องจักรที่ทำงานมาก และค่าใช้จ่ายในการดูแลงานด้านวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมอุตสาหกรรม และเครื่องจักรเหล่านั้นเป็นกุญแจสำคัญในการผลิต โครงสร้างองค์การ และระบบการผลิตจำเป็นต้องได้รับผลประโยชน์อย่างดีที่สุดในการลงทุนเครื่องจักร องค์การตามความคิดนี้จึงควรทำงานเหมือนเครื่องจักร โดยการใช้คน,ทุน, และเครื่องจักรในฐานะที่เป็นชิ้นส่วน ทำให้วิศวกรรมอุตสาหกรรมและเครื่องกลทำการออกแบบเครื่องจักรที่ดีที่สุดเพื่อทำการผลิตในอุตสาหกรรมในการเพิ่มผลผลิตแก่โรงงาน  การผลิตตามแนวคิดวิศวกรรมอุตสาหกรรมและเครื่องกลเป็นความคิดในรูปแบบคิดที่ครอบงำจาก "การทำงานให้ดีที่สุด" (the best way)ในการรวมกลุ่มเพื่อการผลิต  ดังนั้นทฤษฎีแรกขององค์การคือสิ่งที่เกี่ยวข้องในขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการสรีรวิทยา หรือโครงสร้างเกี่ยวกับองค์การที่เป็นทางการ สิ่งนี้เป็นสิ่งแวดล้อม หรือสภาพแวดล้อม, วิธีการคิด และอิทธิพลมาจากความคิดในทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิค
              การรวมศูนย์เครื่องมืออุปกรณ์ และแรงงานในโรงงาน, การแบ่งงานตามความถนัดเฉพาะด้าน, การจัดการความถนัดเฉพาะด้าน และการคืนทุนในอุปกรณ์โรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับนักเศรษฐศาสตร์ชาวสก๊อตที่ชื่อ อาดัม สมิธจากผลงานเรื่อง "An Inquiry in the Nature and Causes of the Wealth of Nations" (1776)  นักประวัติศาสตร์ที่ชื่ออาร์โนลด์ ทอยน์บี (1956)ได้นิยามจากความคิดของอาดัม สมิธ (1723-1790) และเจมส์ วัตต์ (1736-1819) ในฐานะที่บุคคลทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบในการผลักดันโลกไปสู่ความเป็นอุตสาหกรรม (industrialization) และเจมส์ วัตต์เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำด้วย
             อาดัม สมิธ เป็นผู้ได้รับฉายาว่าเป็นบิดาแห่งหลักวิชาเศรษฐศาสตร์ ได้ตั้งมูลนิธิทางปัญญาชนเพื่อทุนนิยมแบบเสรีนิยม  ความมั่งคั่งประชาชาติ (the wealth of nations) ได้พูดเกี่ยวกับการแบ่งงานกันทำ (Division of Labour) ในการอธิบายเกี่ยวกับองค์การที่เป็นโรงงานหมุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เหตุผลอะไร? เพราะว่าการจำแนกความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกลไกการตลาดซึ่งเป็นเสาหลักของ "มือที่มองไม่เห็น"ที่เป็นรางวัลสูงสุดควรดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในเวทีตลาดที่มีการแข่งขัน  การผลิตหมุดแบบดั้งเดิมทำการผลิตได้ 12 อันต่อวัน  เมื่อการรวมกลุ่มในโรงงานด้วยคนงานแต่ละคนจะกระทำการดำเนินงานที่มีข้อจำกัด เขาควรผลิตได้ 100,000 อันต่อวันจากการแบ่งงานกันทำที่เป็นการตีพิมพ์ขึ้นมาใหม่ในที่นี้เพราะว่า เป็นการมาถึงรุ่งอรุณของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้มีชือเสียงมากที่สุด และข้อความที่ทรงอิทธิพลเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจของระบบโรงงาน  สมิธได้ปฏิวัติความคิดเกี่ยวกับวิชาเศรษฐศาสตร์ และองค์การซึ่งได้นิยามในเชิงปฏิบัติการในปี ค.ศ.1776 ซึ่งเป็นปีที่มีการตีพิมพ์ข้อเขียนความมั่งคั่งประชาชาติในขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของทฤษฎีองค์การที่เป็นศาสตร์เชิงประยุกต์ และเป็นหลักการเชิงวิชาการ นอกจากนี้ในปี ค.ศ. 1776 ก็เป็นปีที่ดีสำหรับเหตุการณ์อื่น ๆ ด้วย

    ทฤษฎีองค์การขั้นสูง (advanced organization theory)

                                              ทฤษฎีองค์การยุคคลาสสิค
                                         (Classical Organization theory)
    เรียบเรียงจาก Jay M.Shafritz และ J.Steven OTT, Classics of Organization Theory, (2001)

         ยุคนี้ยังไม่มีการกำหนดวันที่เริ่มต้นในการคิดเกี่ยวกับองค์การเกิดขึ้น อย่างไร และองค์การควรจะจัดโครงสร้าง และจัดการอย่างไร  ข้อเขียนหนึ่งที่อธิบายเกี่ยวกับการจัดการและองค์การเมื่อย้อนหลังเวลาที่ ยาวนานได้มาจากจุดกำเนิดที่เรียกว่าการพาณิชยกรรม ข้อเขียนจำนวนมากได้เรียนรู้จากการจัดองค์การของมุสลิม, ฮิบบรู, และโรมัน หากเราใช้เวลาก็สามารถสร้างกรณีตัวอย่างของสิ่งที่พวกเรารู้เกี่ยวกับทฤษฎี องค์การซึ่งเป็นจุดกำเนิดองค์การในยุคโบราณ และยุคกลาง หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เป็นยุคอริสโตเติ้ลผู้ประพันธ์หนังสือเกี่ยวกับความ สำคัญของวัฒนธรรมที่มีต่อระบบการจัดการเทมิยาเป็นผู้ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์ ในการเขียนเค้าโครงเี่กี่ยวกับหลักการบริหารภายใต้กรอบความคิดของอิสลาม และมาเคียเวลลีผู้ที่ให้ความรู้แก่ชาวโลกถึงวิธีการใช้อำนาจ และรักษาอำนาจอันยาวนาน
         เพื่อที่ตอบสนองสิ่งที่ชี้ถึงรากฐานอยางลึกซึ้งของทฤษฎีองค์การ เราจึงได้นำเสนอตัวอย่าง 2 ตัวอย่างของภูมิปัญญาโบราณเกี่ยวกับการจัดการองค์การ ตัวอย่างภูมิปัญญาแบบโบราณที่เกิดขึ้นครั้งแรก มาจากคัมภีร์เอ็กโซดัส, บทที่ 18 :ซึ่งเจโทรบิดาตามกฎหมายของโมเสสได้ลงโทษโมเสสในการจัดองค์การที่ผิดพลาด โดยโมเสสได้มอบหมายความรับผิดชอบสำหรับการบริหารงานยุติธรรม
    ในบทที่ 25  โมเสสยอมรับคำแนะนำของเจโทรที่ว่า "จงคัดสรรบุคคลที่มีความสามารถของชาวอิสราเอลทั้งมวล และทำการแต่งตั้งหัวหน้าของคนเหล่านั้น, เป็นคนคุมคนเป็นพัน, คุมคนเป็นร้อย คุมคนเป็นห้าสิบ และคุมคนเป็นสิบ"  โมเสสได้ดำเนินการวินิจฉัยถึง "กรณีถึงความยากลำบากในการคุมคน แต่การดูแลคนให้พิจารณาคนเพียงเล็กน้อยก่อน  Frederick Winslow Taylor ได้มีการพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับ "การจัดการโดยข้อยกเว้น" (Management by Exception) สำหรับยุคสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น
          ในตัวอย่างภูมิปัญญาโบราณแบบที่ 2  โสเครติสให้ทัศนะเกี่ยวกับ "การจัดการทั่วไป" (generic management) และหลักการจัดการโดยอธิบายเรื่องราวของ ไนโครมาชิดิสในฐานะผู้นำที่ "รู้ในสิ่งที่ลูกน้องต้องการ และตอบสนองเขาได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นผู้นำที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการนำของผู้ประสานงานดนตรี,ครอบครัว,เมือง หรือกองทัพ โสเครติสได้จัดทำรายการและอธิบายถึงหน้าที่ของบุคคลที่เป็นประธานที่ดีทั้ง สถาบันภาครัฐและเอกชน และเน้นถึงความคล้ายคลึงกัน สิ่งนี้ก็คือข้อความที่เป็นที่รู้จักกันว่าองค์การคือการประกอบด้วยตัวบุคคล ที่มีลักษณะเหมือนกัน- และผู้บริหารเป็นบุคคลที่แก้ปัญหาซึ่งคนหนึ่งจะได้รับความเท่าเทียมกัันกับ การแก้ปัญหาของอีกคนหนึ่ง- แม้ว่าจุดประสงค์ของเขาเหล่านั้นและหน้าที่ในการปฏิบัติงานอาจจะผิดแผกแตก ต่างกันออกไปก็ตาม
         แม้ว่ามักจะมีเรื่องน่าขบขันอย่างมากในการขุดค้นในภูมิปัญญาโบราณ นักวิเคราะห์ของจุดกำเนิดของทฤษฎีองค์การซึ่งมีทัศนะว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ระบบโรงงานในเครือจักรภพในศตวรรษที่ 18 ในฐานะที่เป็นแหล่งกำเนิดขององค์การเศรษฐกิจที่ซับซ้อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาทฤษฎีองค์การ ทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคในฐานะชื่อของมันเอง เป็นทฤษฎีแรกของประเภทองค์การ ได้รับการพิจาณาว่าเป็นแบบประเพณี และเริ่มดำเนินการตามพื้นฐานที่สำนักแนวคิดอื่น ๆของทฤษฎีองค์การได้กำหนดขึ้นมา  ดังนั้นการเข้าใจทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคเป็นิส่งสำคัญไม่เพียงว่าเป็นเรื่อง ความสนใจในประวัติศาสตร์ แต่ยังมีความสำคัญมากกว่านั้น เพราะว่าเป็นการวิเคราะห์ความสำคัญ และทฤษฎีที่เข้าใจในความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีองค์การ