เป็นเรื่องน่าสนใจที่ว่า ทาวน์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ ทั้งสองคนเคยทำงานเป็นช่างเขียนแบบที่โรงงานเหล็กที่ Midvale Steel ในช่วงปี ค.ศ.1880 ทาวน์ได้ให้โอกาสครั้งแรกอย่างแท้จริงกับเทย์เลอร์ในการประยุกต์ใช้หลักกการจัดการแบบวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ทาวน์ได้เสนอชื่อเทย์เล่อร์ให้เป็นประธานสมาคม ASME ในปีค.ศ.1906 และดังนั้นยังได้เสนอให้เข้าประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการนำการจัดการแบบวิทยาศาสตร์มาใช้ (หลังเลือกตั้งเขาได้ปฏิรูปองค์การ ASME ตามหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์)
ในขณะที่ความคิดของอาดัม สมิธ, เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เล่อร์ และคนอื่น ๆยังคงมีอิทธิพลครอบงำเกัี่ยวกับการออกแบบและการจัดการองค์การ เขาผู้นั้นคือเฮ็นรี่ ฟาโยล (ค.ศ.1841-1925) เป็นวิศวกรผู้บริหารชาวฝรั่งเศส ได้มีการปรับปรุงทฤษฎีการจัดการอย่างพิสดาร ในขณะที่เทย์เลอร์คิดถึงเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ที่นำมาใช้กับคนงาน ฟาโยลได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการนำองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดเท่าที่จำเป็นไปจัดกลุ่มและจัดการเกี่ยวกับองค์กรบริษัท ผลงานเด่นของฟาโยล คือ Administration Industrielle (ซึ่งได้ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ในปี 1916) ได้เพิกเฉยในสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษจากสำนักพิมพ์ Constance Storr โดยใช้ชื่อว่า General and Industrial Management ซึ่งปรากฎในปี ค.ศ.1949 ตั้งแต่นั้นมาการสนับสนุนทฤษฎีได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ผลงานของเขาได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญพอ ๆ กับเทย์เลอร์
ฟาโยลเชื่อว่าแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเป็นแนวคิดที่ประยุกต์ได้อย่างสากลในทุกประเภทองค์การ ในขณะที่เขามีหลักการ 6 ข้อ -หลักเทคนิค (ผลิตสินค้าได้ดี), หลักการพาณิชย์ (การซื้อ,การขาย,และกิจกรรมการแลกเปลี่ยน), การเงิน (การเพิ่มและการใช้ทุน), ความมั่นคง (การป้องกันทรัพย์ิสินและบุคคล), การบัญชี และการจัดการ (ได้แก่การประสานงาน,การควบคุม หรือการจัดองค์การ,การวางแผน และการบังคับบัญชาบุคลากร) - ความสนใจของฟาโยลและการเน้นหลักการขั้นสุดท้ายก็คือหลักการจัดการ ที่เป็นหลักนำมาเผยแพร่ตัวแปรต่าง ๆ ได้แก่การแบ่งงานกันทำ, หลักอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ, หลักเกี่ยวกับวินัย,เอกภาพการบังคับบัญชา (unity of command), เอกภาพอำนวยการ (unity of direction), หลักผลประโยชน์ส่วนบุคคลขึ้นอยู่ผลประโยชน์ส่วนรวม, หลักค่าตอบแทนบุคลากร,หลักการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง (centralization), หลักสายบังคับบัญชา (scarlar chain), หลักการออกคำสั่ง (order), หลักความเสมอภาค (equity), หลักความมั่นคงของบุคลากร, หลักความคิดริเริ่ม (innitiative), และหลักความสามัคคี (exprit de corps) ได้ตีพิมพ์ในบทความของฟาโยลที่ชื่อว่า "หลักการทั่วไปเกี่ยวกับการจัดการ" ซึ่งเป็นเพียงบทหนีึ่งในเอกสารของฟาโยลใน "General and Industrial Management"
ประมาณร้อยกว่าปี อาดัม สมิธได้ประกาศสว่าโรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่มีความเหมาะสมที่สุด เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ และกลุ่มของศานุศิษย์ ที่แพร่กระจายชื่อเสียงที่ว่าคนงานโรงงานสามารถทำการผลิตได้มากหากผลงานเหล่านั้นได้รับการออกแบบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เทย์เล่อร์ได้ัรับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งขบวนความเคลือนไหวการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ ที่มีการบุกเบิก
การพัฒนาเกี่ยวกับการศึกษาความเคลื่อนไหวและเวลาในการทำงาน ภายใต้ชื่อลัทธิเทย์เล่อร์ หรือระบบเทย์เล่อร์ ลัทธิเทย์เล่อร์หรือผู้ประสบความสำเร็จในการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ไม่ใช่การประดิษฐ์คิดค้นคนเดียวมากกว่าชุดของวิธีการเกี่ยวกับการจัดเตรียมองค์การซึ่งได้รับการออกแบบโดยเทย์เล่อร์ และศานุศิษย์ของเขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิตของห้องปฏิบัติการเครื่องจักร ภายใต้บทบัญญัติแนวคิดใหม่คือ วิธีการทำงานที่ดีที่สุด (one best way)ในการทำงานให้สำเร็จในงานที่ได้รับมอบหมาย การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของเทย์เล่อร์แสวงหาการเพิ่มผลลัพธ์โดยการค้นพบความรวดเร็วที่สุด, มีประสิทธิภาพมากที่สุด,และความเหนื่อยล้าในวิธีการผลิต
งานของผู้จัดการแบบวิทยาศาสตร์ ครั้งหนึ่งได้ค้นพบ "วิธีการที่ดีที่สุด" ต้องนำมาใช้ในกรรมวธีการทำงานขององค์การ ทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคได้ทำให้เกิดสีสันของข้อเสนอแนะ หากถ้ามีวิธีการที่สุดในการบรรลุงานการผลิตที่กำหนดไว้แล้ว ก็ต้องมีวิธีการทำงานที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุผลงานเกี่ยวกับองค์การสังคม- ได้แก่การจัดองค์การหน่วยงาน หลักการแต่ละหลักขององค์การสังคมได้คาดคะเนว่ายังคงมีปรากฎขึ้นเป็นการรอคอยเพื่อการค้นพบจากการสังเกตการณ์และการวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์
Add a comment