Thursday, August 4, 2011

ทฤษฎีองค์การขั้นสูง (advanced organization theory) IV

        เป็นเรื่องน่าสนใจที่ว่า ทาวน์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ ทั้งสองคนเคยทำงานเป็นช่างเขียนแบบที่โรงงานเหล็กที่ Midvale Steel ในช่วงปี ค.ศ.1880  ทาวน์ได้ให้โอกาสครั้งแรกอย่างแท้จริงกับเทย์เลอร์ในการประยุกต์ใช้หลักกการจัดการแบบวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง  ทาวน์ได้เสนอชื่อเทย์เล่อร์ให้เป็นประธานสมาคม ASME ในปีค.ศ.1906 และดังนั้นยังได้เสนอให้เข้าประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการนำการจัดการแบบวิทยาศาสตร์มาใช้ (หลังเลือกตั้งเขาได้ปฏิรูปองค์การ ASME ตามหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์)
        ในขณะที่ความคิดของอาดัม สมิธ, เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เล่อร์ และคนอื่น ๆยังคงมีอิทธิพลครอบงำเกัี่ยวกับการออกแบบและการจัดการองค์การ เขาผู้นั้นคือเฮ็นรี่ ฟาโยล (ค.ศ.1841-1925) เป็นวิศวกรผู้บริหารชาวฝรั่งเศส ได้มีการปรับปรุงทฤษฎีการจัดการอย่างพิสดาร  ในขณะที่เทย์เลอร์คิดถึงเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ที่นำมาใช้กับคนงาน  ฟาโยลได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการนำองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดเท่าที่จำเป็นไปจัดกลุ่มและจัดการเกี่ยวกับองค์กรบริษัท  ผลงานเด่นของฟาโยล คือ Administration Industrielle (ซึ่งได้ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ในปี 1916) ได้เพิกเฉยในสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษจากสำนักพิมพ์ Constance Storr โดยใช้ชื่อว่า General and Industrial Management ซึ่งปรากฎในปี ค.ศ.1949  ตั้งแต่นั้นมาการสนับสนุนทฤษฎีได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ผลงานของเขาได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญพอ ๆ กับเทย์เลอร์
        ฟาโยลเชื่อว่าแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเป็นแนวคิดที่ประยุกต์ได้อย่างสากลในทุกประเภทองค์การ ในขณะที่เขามีหลักการ 6 ข้อ -หลักเทคนิค (ผลิตสินค้าได้ดี), หลักการพาณิชย์ (การซื้อ,การขาย,และกิจกรรมการแลกเปลี่ยน), การเงิน (การเพิ่มและการใช้ทุน), ความมั่นคง (การป้องกันทรัพย์ิสินและบุคคล), การบัญชี และการจัดการ (ได้แก่การประสานงาน,การควบคุม หรือการจัดองค์การ,การวางแผน และการบังคับบัญชาบุคลากร) - ความสนใจของฟาโยลและการเน้นหลักการขั้นสุดท้ายก็คือหลักการจัดการ  ที่เป็นหลักนำมาเผยแพร่ตัวแปรต่าง ๆ ได้แก่การแบ่งงานกันทำ, หลักอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ, หลักเกี่ยวกับวินัย,เอกภาพการบังคับบัญชา (unity of command), เอกภาพอำนวยการ (unity of direction), หลักผลประโยชน์ส่วนบุคคลขึ้นอยู่ผลประโยชน์ส่วนรวม, หลักค่าตอบแทนบุคลากร,หลักการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง (centralization), หลักสายบังคับบัญชา (scarlar chain), หลักการออกคำสั่ง (order), หลักความเสมอภาค (equity), หลักความมั่นคงของบุคลากร, หลักความคิดริเริ่ม (innitiative), และหลักความสามัคคี (exprit de corps) ได้ตีพิมพ์ในบทความของฟาโยลที่ชื่อว่า "หลักการทั่วไปเกี่ยวกับการจัดการ" ซึ่งเป็นเพียงบทหนีึ่งในเอกสารของฟาโยลใน "General and Industrial Management"
        ประมาณร้อยกว่าปี อาดัม สมิธได้ประกาศสว่าโรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่มีความเหมาะสมที่สุด เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทย์เลอร์ และกลุ่มของศานุศิษย์ ที่แพร่กระจายชื่อเสียงที่ว่าคนงานโรงงานสามารถทำการผลิตได้มากหากผลงานเหล่านั้นได้รับการออกแบบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  เทย์เล่อร์ได้ัรับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งขบวนความเคลือนไหวการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ ที่มีการบุกเบิก
การพัฒนาเกี่ยวกับการศึกษาความเคลื่อนไหวและเวลาในการทำงาน  ภายใต้ชื่อลัทธิเทย์เล่อร์ หรือระบบเทย์เล่อร์  ลัทธิเทย์เล่อร์หรือผู้ประสบความสำเร็จในการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ไม่ใช่การประดิษฐ์คิดค้นคนเดียวมากกว่าชุดของวิธีการเกี่ยวกับการจัดเตรียมองค์การซึ่งได้รับการออกแบบโดยเทย์เล่อร์ และศานุศิษย์ของเขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิตของห้องปฏิบัติการเครื่องจักร ภายใต้บทบัญญัติแนวคิดใหม่คือ วิธีการทำงานที่ดีที่สุด (one best way)ในการทำงานให้สำเร็จในงานที่ได้รับมอบหมาย  การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของเทย์เล่อร์แสวงหาการเพิ่มผลลัพธ์โดยการค้นพบความรวดเร็วที่สุด, มีประสิทธิภาพมากที่สุด,และความเหนื่อยล้าในวิธีการผลิต
        งานของผู้จัดการแบบวิทยาศาสตร์ ครั้งหนึ่งได้ค้นพบ "วิธีการที่ดีที่สุด" ต้องนำมาใช้ในกรรมวธีการทำงานขององค์การ  ทฤษฎีองค์การแบบคลาสสิคได้ทำให้เกิดสีสันของข้อเสนอแนะ  หากถ้ามีวิธีการที่สุดในการบรรลุงานการผลิตที่กำหนดไว้แล้ว ก็ต้องมีวิธีการทำงานที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุผลงานเกี่ยวกับองค์การสังคม- ได้แก่การจัดองค์การหน่วยงาน   หลักการแต่ละหลักขององค์การสังคมได้คาดคะเนว่ายังคงมีปรากฎขึ้นเป็นการรอคอยเพื่อการค้นพบจากการสังเกตการณ์และการวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์

Monday, August 1, 2011

ทฤษฎีองค์การขั้นสูง (advanced organization theory) III

     ในปี ค.ศ.1856 นายดาเนียล ซี.แมคคัลลัม (1815-1878) เป็นหัวหน้าโรงงานทั่วไปที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างถนนที่กรุงนิวยอร์ค และอีรี่ ได้นำหลักการจัดองค์การทั่วไปอย่างเด่นชัดที่ว่า "อาจจะได้รับการยอมรับในการจัดตั้งและเป็นสิ่งจำเป็น" หลักการของเขาคือการแบ่งความรับผิดชอบ,อำนาจนั้นกับความรับผิดชอบพอ ๆกัน และระบบรายงานที่ยินยอมให้ผู้บริหารได้รู้ถึงความรับผิดชอบโดยทันทีทันใด หากเป็นไปได้คือ "มีการดำเนินงานอย่างซื่อสัตย์" และมีการระบุลูกน้องที่ทำผิดพลาดและล้มเหลว แมคคัลลัม เป็นบุคคลที่ได้รับชื่อเสียงในการบุกเบิกแผนภูมิองค์การสมัยใหม่เป็นคนแรก ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในการพัฒนาการจัดการของอุตสาหกรรมการสร้างถนนสหรัฐอเมริกา
      ในธุรกิจขนาดใหญ่ครั้งแรกของอเมริกาเกิดขึ้นก่อนสงครามโลก  แมคคัลลัมตอบสนองหลักการจำลองและกรรมวิธีเกี่ยวกับการจัดการสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงคราม  เขากลับมามีอำนาจหน้าที่ในการก่อสร้างถนนที่เป็นเรื่องสำคัญในระหว่างสงครามกลางเมือง  เขาได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการเกี่ยวกับระบบเส้นทางถนนของกองกำลังทหารสหภาพ  ถึงแม้ว่าแมคคัลลัมเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างสุงในฐานะนักปฏิบัติการ  เขามิใช่นักวิชาการ และเพียงข้อความที่แนบเกี่ยวกับหลักการทั่วไปที่เกิดจากรายงานประจำปีที่เขียนเพื่อใช้กับงานสร้างถนนนิวยอร์ค และอีรี่   ข้อความที่ตัดตอนจาก "รายงานของผู้จัดการโรงงาน" ของวันที่ 25 เดือนมีนาคม1856 ได้ตีพิมพ์จากรายงานนี้
      ในระหว่าง ศตวรรษที่ 18 ผู้จัดการปฏิบัติงาน 2 คนในสหรัฐไดมีการค้นพบว่าหลักการบริหารที่นำไปใช้โดยทั่วไปควรพิจารณาอย่างเป็นระบบ, มีการสืบค้นแบบวิทยาศาสตร์--- เกี่ยวกับ 30 ปีที่ผ่านมาก่อนที่ หลักการเทย์เลอร์เกี่ยวกับการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ หรือบทความของฟาโยลว่าด้วย General and Industrial Management  บุคคลแรกก็คือกัปตันเฮ็นรี่ เมทคาเฟ่ (ค.ศ.1847-1917) ของกองทัพแฟรงฟอร์ท อาเซนัลในฟิลลาเดลเฟียโต้แย้งผู้จัดการในการบันทึกเหตุการณ์ผลิต และประสบการณ์อย่างเป็นระบบเพื่อว่าพวกเขาสามารถใช้ข้อมุลข่าวสารในการปรับปรุงกระบวนการผลิต เขาได้ตีพิมพ์ตามข้อสันนิษฐานในบทความ "ต้นทุนอุตสาหกรรมและการบริหารเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการ", ภาครัฐและเอกชน (1885) ซึ่งบุกเบิกในวิธีการการประยุกต์ก่อนยุคการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ไปสู่ปัญหาการควบคุมการจัดการและยืนยันว่าเป็น "ศาสตร์การบริหาร" ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักการที่สามารถค้นพบได้โดยการสังเกตุอย่างชาญฉลาด ถึงแม้ว่างานเขียนของ เมทคาลเฟเป็นสิ่งสำคัญในทางประวัติศาสตร์ แต่ยังคล้ายคลึงกับของเทย์เลอร์ และคนอื่น ๆที่ไม่รวมถึงการคัดเลือกคนงาน
       ก่อนยุคการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ครั้งที่สองสนับสนุนความคิดของ เฮ็นรี่ อาร์ ทาวน์ ในปีค.ศ. 1880 (1884-1924) ผู้ค้นพบร่วมกันและประธานของบริษัทโรงงานเยลและทาวน์ ในปี 1886โดยเขา
เสนอแนะว่าการจัดการห้องปฏิบัติการมีความสำคัญพอ ๆกันกับการจัดการวิศวกรรม และสมาคมวิศวกรรมเครื่องกล (ASME) ควรมีบทบาทความเป็นผู้นำในการจัดตั้งบริษัทที่มีความหลากหลาย  ฐานข้อมูลการจัดการ/วิศวกรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติงานใน Shop หรือ "การจัดการเกี่ยวกับตัวงาน"
ข้อมูลข่าวสารไม่สามารถแบ่งปันในหมู่วิสาหกิจใหม่ และที่ได้ก่อตั้งแล้ว หลายปีผ่านมา สมาคม ASME ได้ปรับปรุงข้อเสนอแนะของเขา เอกสารที่นำเสนอสู่สังคมคือ "วิศวกรรมในฐานะเป็นนักเศรษฐศาสตร์" ได้ตีพิมพ์ใน Transaction of the American Society of Mechnanical engineer (1886) และตีพิมพ์ขึ้นใหม่ นักประวัติศาสตร์มักพิจารณาว่ามันเป็นครั้งแรกที่เีรียกว่าการจัดการแบบวิทยาศาสตร์